9 เทคนิคการตกแต่งภายในอย่างรวดเร็วและมีคุณภาพ

ในโลกของธุรกิจก่อสร้าง เวลาคือเงิน หากคุณได้รับพื้นที่สำหรับการก่อสร้างโครงการมาแล้ว ทุกนาทีที่ล่วงเลยไปจะกลายเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น การบริหารจัดการให้การก่อสร้างแล้วเสร็จตามกรอบระยะเวลาที่กำหนดจึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง..

แต่ในขณะเดียวกัน คุณภาพของงานก็ไม่ควรถูกมองข้าม

 

ในบทความนี้อิวา ดีไซน์ จะนำเสนอ 9 เทคนิค การก่อสร้างโครงการภายในที่เสร็จเร็วและมีคุณภาพ

 

  1. ใช้ระบบก่อสร้างแบบ Prefab (Prefabricated Construction)

การนำชิ้นส่วนที่ผลิตจากโรงงานมาประกอบที่หน้างานนั้นถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ช่วยลดระยะเวลาการก่อสร้างลงได้อย่างมาก เนื่องจากช่วยประหยัดเวลาในขั้นตอนการผลิตชิ้นงาน ลดปัญหาความผิดพลาด และสามารถควบคุมคุณภาพได้ดีกว่าการผลิตชิ้นงานที่หน้างาน

 

  1. หลีกเลี่ยงการแก้ไขงาน ด้วยการสร้างตัวอย่างจริงก่อนการผลิต

การทุบรื้อและแก้ไขงานระหว่างการก่อสร้างนั้นเป็นสาเหตุหลักของความล่าช้า ดังนั้น จึงควรมีการทำตัวอย่างจริง (Mock up) หรือขึ้นรูปแบบ 3 มิติละเอียด (Shop Drawings / 3D Drawings) ก่อนการผลิตจริง เพื่อตรวจสอบรายละเอียดและข้อผิดพลาด ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการสร้างผิดและต้องแก้ไขในภายหลัง

 

  1. ใช้วิธีการทำงานแบบฟาสต์แทรค (Fast Track)

คือการให้ทีมออกแบบและทีมก่อสร้างทำงานร่วมกันตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ แทนการรอส่งมอบแบบจนเสร็จสมบูรณ์แล้วจึงเริ่มงานก่อสร้าง วิธีการนี้จะช่วยลดช่องว่างและเวลาสูญเสียที่อาจเกิดจากการส่งผ่านข้อมูลระหว่างกัน รวมถึงช่วยให้สามารถแก้ไขปัญหาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

 

  1. จัดประชุมประสานงานทุกวัน (Daily Coordination Meetings)

การจัดประชุมทีมงานที่เกี่ยวข้องทุกวันจะช่วยให้ติดตามความคืบหน้า ระบุปัญหาอุปสรรคที่พบ พร้อมทั้งหาแนวทางแก้ไขได้อย่างทันท่วงที ซึ่งจะช่วยป้องกันความล่าช้าของงานได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังเป็นช่องทางการสื่อสารที่สำคัญระหว่างทีมงานต่างฝ่ายด้วย

 

  1. การก่อสร้างแบบขนาน (Parallel Construction)

การทำงานหลายขั้นตอนในเวลาเดียวกันพร้อมๆ กันแทนการทำงานแบบเรียงลำดับ จะช่วยลดระยะเวลาในการก่อสร้างลงได้มาก อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการวางแผนงานและประสานงานอย่างใกล้ชิดระหว่างทีมงาน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการทำงานซ้ำซ้อนหรือเกิดข้อขัดแย้งกัน

 

  1. ใช้ระบบก่อสร้างแบบ Modular (Modular Construction)

การนำเอาชิ้นส่วนสำเร็จรูปที่ผลิตขึ้นอย่างละเอียดในโรงงาน มาประกอบติดตั้งบนหน้างาน นับเป็นอีกหนึ่งระบบก่อสร้างที่จะช่วยลดระยะเวลาการทำงานได้อย่างมาก เนื่องจากสามารถผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ขนานกันไปพร้อมๆกับขั้นตอนการก่อสร้างที่หน้างาน

 

  1. วางแผนงานย้อนหลังจากจุดสิ้นสุด (Pull Planning) แทนการวางแผนงานจากต้นสู่ปลาย

คือการวางแผนงานจากจุดหมายปลายทางหรือเป้าหมายสุดท้ายของโครงการกลับมา จากนั้นจึงกำหนดขั้นตอนย้อนกลับมาเพื่อให้แน่ใจได้ว่าได้เตรียมความพร้อมและความจำเป็นต่างๆไว้ล่วงหน้าอย่างครบถ้วน

 

  1. เพิ่มกำลังแรงงานในขั้นตอนสำคัญ (Increased Workforce)

การเพิ่มจำนวนแรงงานในขั้นตอนงานที่เป็น Critical Path จะช่วยให้ดำเนินงานได้เร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายจากแรงงานที่เพิ่มขึ้น รวมถึงต้องมีการจัดระบบงานที่ดีเพื่อไม่ให้ใช้แรงงานเกินความจำเป็น

 

  1. ทำงานนอกเวลาตามความเหมาะสม (Extended Work Hours)

วิธีการพื้นฐานที่จะช่วยเร่งงานก่อสร้าง คือการขยายชั่วโมงการทำงานให้มากขึ้น โดยใช้วิธีการทำงานนอกเวลาทั้งช่วงกลางคืน และวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่อย่างไรก็ตาม ควรคำนึงถึงความปลอดภัย สุขภาพ และประสิทธิภาพของแรงงาน เพื่อไม่ให้งานมีคุณภาพที่ตกต่ำลง

 

นอกจากนี้ยังมีเทคนิคอื่นๆ เช่น การจัดหาทรัพยากรและแรงงานมีฝีมือไว้ล่วงหน้า และความชำนาญในการบริหารจัดการและตัดสินใจของผู้จัดการโครงการ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้งานก่อสร้างภายในบรรลุตามระยะเวลาที่กำหนด

อย่างไรก็ดี สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือคุณภาพของงาน เนื่องจากบางครั้งการรีบเร่งอาจส่งผลให้งานขาดคุณภาพและต้องแก้ไขซ่อมแซมในภายหลัง ทำให้เสียทั้งเวลาและเงินมากกว่าเดิม ดังนั้น การวางแผนที่ดี การควบคุมคุณภาพงานอย่างจริงจัง รวมถึงการประสานงานกับลูกค้าอย่างใกล้ชิด จึงเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้การก่อสร้างภายในทั้งรวดเร็วและได้คุณภาพตรงตามความคาดหวังอีกด้วย

LOCATION:Bangkok, Thailand

YEAR:2024

Read < 1 minute

แชร์โพสต์นี้

บ้านไอเดีย

RELATED ARTICLES

construction

การบริหารเวลาในงานก่อสร้างภายใน

Read < 1 minute อิวา ดีไซน์ เราเติบโตมากับงานก่อสร้างภายใน ประเภท Commercial ดังนั้นการบริหารเวลาอย่างมีประสิทธิภาพและเสร็จทันตามกำหนดถือเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อให้งานเสร็จทันตามกำหนดเวลา และไม่ส่งผลกระทบต่องานในขั้นตอนอื่นๆ อิวา ดีไซน์จะมาแชร์เคล็ดลับดีๆจากการเรียนรู้ผ่านประสบการณ์กว่า 10 ปี